CGSC

Once Upon a Time...

Search
Search ×
Menu
  1. หน้าหลัก
  2. ความภาคภูมิใจ
  3. คุณค่าหลักแห่งสถาบัน
  4. e-Curriculum
  5. หลักสูตร
    1. หลักสูตรหลักประจำ
    2. หลักสูตร นบส.
    3. หลักสูตร ศศ.ม.
    4. หลักสูตร พรส.
    5. หลักสูตรอื่นๆ
    6. งานประกันคุณภาพการศึกษา
  6. คลังตำรา
  7. ข่าวสาร
  8. วีดิทัศน์
  9. ติดต่อเรา

พระบิดาแห่งเสนาธิการ

 

 



จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๑๐ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระราชโอรส พระองค์ที่ ๔ ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ประสูติในพระบรมมหาราชวัง ณ วันเสาร์ แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะเมีย จัตวาศกจุลศักราช ๑๒๔๔ ตรงกับวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๒๕ เมื่อทรงพระเยาว์ ได้ทรงศึกษาวิชาหนังสือไทยกับพระยาศรีสุทรโวหาร(น้อย) และ ขุนบำนาญ วรวัฒน์ (สิงโต)ในพระบรมมหาราชวัง ครั้นต่อมาเมื่อได้มีการจัดตั้งโรงเรียนราชกุมารขึ้นในพระบรมมหาราชวังแล้ว ได้ทรงเข้าโรงเรียนนี้ และทรงศึกษาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ (ครูสอนภาษาอังกฤษ คือ มิสเตอร์ วูลสเลย์ และ มิสเตอร์ เยคอลฟิลค์เยมส์)

ครั้น เมื่อทรงพระชนมายุได้ ๑๔ ชันษา คือ ในปี พ.ศ.๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เสด็จออกไปศึกษาวิชาในทวีปยุโรป โดยมี จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาภานุพันธุวงษ์วรเดช เชิญเสด็จไปถึงทวีปยุโรป เมื่อเสด็จถึงแล้ว ได้ทรงเข้าศึกษาวิชาอยู่ ณ ประเทศอังกฤษ

ในปีพระพุทธศักราช ๒๔๔๐ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาส ยุโรป ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เป็นนักเรียนนายร้อยทหารบกของประเทศสยาม แต่คงให้ทรงศึกษาวิชาอยู่ในประเทศอังกฤษไปก่อน แล้วจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ไปทรงศึกษาวิชาในประเทศรัสเซีย ตามที่สมเด็จพระเจ้านิโคลัส ที่ ๒ จักรพรรดิรัสเซีย ได้ขอไว้ จนกระทั่งเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๑ จึงได้เสด็จไปประเทศรัสเซีย เพื่อทรงศึกษา ณ โรงเรียนทหารต่อไป ทางประเทศรัสเซียได้ถวายการต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ ทั้งได้มอบให้ผู้บัญชาการโรงเรียนมหาดเล็ก และนายร้อยเอก นายทหารม้ารักษาพระองค์ (พล.ต.เคานต์ เค็ลแลร์ และ ร.อ. วัลเด มาร์ ฆรูลอฟฟ์) เป็นนายทหารช่วยเหลือในการศึกษา และคอยถวายความสะดวกดูแลทุกประการ

ในการศึกษาครั้งนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิได้รับสั่งให้เข้าศึกษาวิชาในโรงเรียนมหาดเล็ก ซึ่งเป็นโรงเรียนนายทหารบกที่มีอยู่ ๙ ชั้น ให้สอบไล่ได้ในกำหนด ๔ ปี เพราะฉะนั้น ในการศึกษาชั้นต้น ๆ จึงจำเป็นจะต้องให้ได้รับการศึกษาวิชา เพื่อเตรียมพระองค์เข้าเป็นนักเรียนชั้น ๖ ทีเดียว คือ เริ่มจัดครูมาสอนในที่ประทับไปพลางก่อนแต่บัดนั้น ต่อมา จึงได้เริ่มทรงศึกษา เพื่อให้เป็นไปตามกำหนด ๔ ปี (คือให้ได้ชั้น ๙) เมื่อตรงตามกำหนดแล้ว จากผลการสอบได้ ทรงสอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ของนักเรียนทั้งหลายในโรงเรียนนั้น เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๕ และทรงเข้าศึกษาในวิทยาลัยทหาร ทรงสอบไล่ได้เป็นที่ ๑ ของโรงเรียนอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ สมเด็จพระเจ้านิโคลัสที่ ๒ ทรงพอพระทัยยิ่ง ได้ทรงแต่งตั้งให้เป็น พันเอกพิเศษ ในกองทัพบกรัสเซีย และเป็นนายทหารพิเศษในกรมทหารม้าฮุสซาร์ ของสมเด็จพระจักรพรรดิ กับพระราชทานสายสะพายเซนต์อันเดรย์ ซึ่งเป็นตราสูงสุดของประเทศรัสเซียสมัยนั้นโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ถือว่า พระองค์เป็นผู้ทรงก่อตั้งวางรากฐานโรงเรียนนี้มาแต่เริ่มแรก และเมื่อได้สร้าง " อาคารประภาสโยธิน " ซึ่งเป็นอาคารถาวรของโรงเรียนเสนาธิการทหารบกแล้ว จึงได้ถือโอกาสสร้าง และอัญเชิญอนุสาวรีย์พระองค์ มาประดิษฐานคู่กับอาคารหลังนี้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญ และได้สักการะรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ ที่ได้ทรงก่อกำเนิดจัดตั้งโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และได้จัดพิธีเฉลิมฉลองพร้อมกับอาคารประภาสโยธิน เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๓ อันเป็นปีที่ ๖๐ ของการสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก นับตั้งแต่นั้นมา ในวันที่ ๓ เมษายน ของทุกปี บรรดาศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ จะพากันมาวางพวงมาลาถวายสักการะแด่พระอนุสาวรีย์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน เป็นประจำ รวมทั้งตราเซนต์วลาดิเมียร์ อีกด้วย

เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาจากรัสเซียแล้ว ทรงเข้ารับราชการครั้งแรกเป็น ผู้ช่วยผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ กระทรวงกลาโหม เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๙ และต่อมาในปีเดียวกันนี้ ทรงได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนทหารบกอีกตำแหน่งหนึ่ง ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๒ ทรงเป็นผู้รั้งหน้าที่เสนาธิการทหารบก และได้ทรงเป็นเสนาธิการทหารบกในปีเดียวกันนั้นเอง พร้อมกับทรงรั้งหน้าที่ เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก (เปลี่ยนการจัดโรงเรียนทหารบก เป็น กรมยุทธศึกษาทหารบก) จนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๖ และในปี พ.ศ. ๒๔๕๓ ทรงเป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ เป็นผู้ทรงพระปรีชาสามารถ เฉียบแหลม ทั้งทางด้านการศึกษา และทางด้านรับราชการในบ้านเมือง พระองค์ได้ทรงกระทำคุณประโยชน์ในการสร้างความเจริญของกองทัพ และส่วนราชการอื่น ๆ หลายแห่ง อาทิเช่น เมื่อทรงรับตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ก็ได้ทรงช่วย จอมพลพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ซึ่งในขณะนั้น เป็นผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ดำริวางการงานต่าง ๆ ไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยยิ่งขึ้นเเป็นอันมาก

เมื่อทรงรับตำแหน่ง ผู้บัญชาการโรงเรียนทหารบก และเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ก็ได้ทรงวางระเบียบการศึกษา ขยายรูปโครงออกให้กว้าง ขวางทันสมัย คล้ายกับว่าจะทรงสร้างโรงเรียนทหารบกชึ้นใหม่

ในขณะที่ทรงรับตำแหน่งเสนาธิการทหารบก อันเป็นตำแหน่งสำคัญในการรบ ก็ได้ทรงปรับปรุงงานเสนาธิการให้กว้างขวางเพิ่มขึ้น ทรงริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนเสนาธิการ เพื่อให้การศึกษาแก่นายทหารที่จะทำหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการบรรจุตามงานใน หน้าที่เสนาธิการที่ได้ปรับปรุงขึ้นอย่างกว้างขวางนี้ ทรงจัดการวาง แนวทางหลักสูตรการศึกษาโรงเรียนเสนาธิการ และการคัดเลือกนายทหารที่มีคุณสมบัติอันเหมาะสมเข้ารับการศึกษา นอกจากนี้ ยังทรงเรียบเรียงตำรา เรื่อง " พงศาวดารยุทธศิลปะ " และ เอกสารอื่น ๆ ที่ใช้เป็นตำราศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการยุคต้นอีกจำนวนมาก ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ได้นำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาของโรงเรียนเสนาธิการสืบจนถึงปัจจุบัน

เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๐ ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ในการปรับปรุงให้ข้าราชการทหารเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จึงทำให้สามารถจัดส่งทหารอาสาไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ในทวีปยุโรป ในปี พ .ศ.๒๔๖๑ ทรงก่อตั้งกองบินทหารบก ซึ่งต่อมา ได้รับการปรับปรุงขยับขยายเป็นกองทัพอากาศ และทรงริเริ่มก่อสร้างค่ายจักรพงษ์ ที่จังหวัดปราจีนบุรี

นอกจากนั้น พระองค์ยังได้เป็นผู้กำกับการก่อสร้างสถานที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสภากาชาดสยาม (รับต่อจาก จอมพล พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช ซึ่งสิ้นพระชนม์เสียก่อนการก่อสร้างสำเร็จ) เมื่อได้ตั้งเป็นกาชาดสยามขึ้นแล้ว พระองค์ยังได้ทรงรับตำแหน่งเป็นอุปนายกผู้อำนวยการ ทรงดำริวางระเบียบการ และสร้างความเจิญให้แก่สภากาชาดโดยรอบด้าน จนเป็นที่หวังได้แน่นอนว่าสภากาชาดได้เจริญเป็นประโยชน์ในการเกื้อกูล ประชาชนซึ่งเจ็บไข้ได้อย่างดีต่อไป

จากที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จะเห็นได้ว่า พระองค์ต้องทรงรับการงานต่าง ๆ อย่างมากมาย และต้องทรงเหน็ดเหนื่อยตลอดมา ยากที่จะทรงหาเวลาพักผ่อนได้อย่างพอเพียง จนกระทั่งถึง เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๓ พระอง๕ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ไปพักผ่อนพระวรกายเที่ยวทางไกลได้ พระองค์พร้อมพระชายา และพระโอรส จึงได้เสด็จไปประพาสทางฝั่งทะเลตะวันตก เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๓

ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จไปได้วันหนึ่ง ก็ประชวรไข้ไปตลอดทาง จนวันที่ ๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๓ ถึงสิงคโปร์ พระอาการยิ่งกำเริบหนักขึ้น จนถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๓ เวลา ๑๓ นาฬิกา ๕๐ นาที พระองค์ได้เสด็จทิวงคต ศิริพระชนมายุได้ ๓๗ พรรษา ๓ เดือน ๑๐ วัน

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก ถือว่า พระองค์เป็นผู้ทรงก่อตั้งวางรากฐานโรงเรียนนี้มาแต่เริ่มแรก และเมื่อได้สร้าง " อาคารประภาสโยธิน " ซึ่งเป็นอาคารถาวรของโรงเรียนเสนาธิการทหารบกแล้ว จึงได้ถือโอกาสสร้าง และอัญเชิญอนุสาวรีย์พระองค์ มาประดิษฐานคู่กับอาคารหลังนี้ เพื่อเป็นมิ่งขวัญ และได้สักการะรำลึกถึงพระเกียรติคุณของพระองค์ ที่ได้ทรงก่อกำเนิดจัดตั้งโรงเรียนเสนาธิการทหารบก และได้จัดพิธีเฉลิมฉลองพร้อมกับอาคารประภาสโยธิน เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๓ อันเป็นปีที่ ๖๐ ของการสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก นับตั้งแต่นั้นมา ในวันที่ ๓ เมษายน ของทุกปี บรรดาศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ จะพากันมาวางพวงมาลาถวายสักการะแด่พระอนุสาวรีย์ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านเป็นประจำ

Copyright 2023 by CGSC Terms Of Use Privacy Statement
Back To Top